โพสท์สุดท้ายของปี 2556

    สวัสดีครับ ไม่ได้เข้ามาเขียนบล๊อกเสียนาน จะหมดปี 2556 แล้ว เมื่อสุดสัปดาห์ก่อนได้มีโอกาสเดินทางไปลำปางโดยสายการบิน นกแอร์ ขึ้นที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ไปลงที่เชียงใหม่ครับ วัตถุประสงค์ในการเดินทางไปครั้งนี้ก็เพราะว่าเพื่อนของผมเค้าขอให้ไปช่วยดูระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในนหอพักที่มีปัญหาและไม่สามารถหาสาเหตุได้ครับ ขอข้ามเรื่องงานไปแล้วกัน กลับมาเรื่องเกี่ยวกับการเดินทางก่อน

การเดินทาง

    ผมรีบออกเดินทางจากสำนักงาน บริเวณถนนพระรามสาม (เลียบแม่น้ำเจ้าพระยา) ในเวลาสี่โมงเย็น โดยประมาณ ตามคำเตือนของผู้คนรอบข้าง ว่าให้รีบไปตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้ไม่พลาดเที่ยวบินในเวลาหนึ่งทุ่ม กว่าจะเก็บของเสร็จเดินมาที่จอดรถก็ราวสี่โมงครึ่งได้ ผมใช้ทางด่วนช่องนนทรี ไปลงดินแดง แล้วต่อดอนเมืองโทล์เวย์ไปท่าอากาศยานดอนเมืองเลย ทั้งหมดนี้ ใช้เวลาราว 40 นาทีเท่านั้น ผมไปถึงท่าอากาศยานดอนเมืองในเวลาประมาณห้าโมงเศษ คิดในใจว่าสบายบรื๋อ แค่ไปหาที่จอดรถระยะยาวแล้วก็เช็คอินกระเป๋าเท่านั้น

ความแตกต่าง

    จุดเปลี่ยนอยู่ที่ภายในท่าอากาศยานดอนเมืองครับ มีการจัดการจราจรใหม่ แตกต่างจากเมื่อครั้งที่ผมเคยทำงานอยู่ และมีปริมาณรถที่มาใช้บริการเยอะมาก เรียกได้ว่า รถติดกันข้างในสนามบินเลยทีเดียว ผมขับวนไ พยายามหาอาคารจอดรถที่ไม่เคยรู้ว่าอยู่ตรงไหน ใช้เวลาไปราวครึ่งชั่วโมง ความกังวลเริ่มเกิดขึ้น ผมมีกระเป๋าเสื้อผ้าและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ต้องโหลดลงใต้เครื่อง ดังนั้นผมจะต้องรีบจอดรถและเข้าเช็คอินกระเป๋าโดยเร็ว แต่ถนนภายในสนามบินรถติดมากแทบไม่ขยับเลย พอดีสอดส่ายสายตาหาช่องทางแทรกไป ก็ไปสะดุดตากับป้ายบริการรับจอดรถ (Parking Valley) เอ๊ะ น่าจะเป็นทางรอดของเราแล้ว จอดรถลงไปถาม ปรากฏว่าใช่ที่คิดไว้จริงๆ


Cr: ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

ความช่วยเหลือ

    พนักงานทำเอกสารประมาณสองนาที (สองนาทีจริงๆ) ตรวจรอยรอบรถ จดเกจน้ำมันเชื้อเพลิง จดเลขไมล์ แล้วก็ขับรถของผม มาส่งที่ Terminal 2 ซึ่งเป็นอาคารที่ผมต้องเช็คอินกระเป๋า ได้เอกสารรับรถมาหนึ่งแผ่น พอขากลับ พอออกมาจากส่วนของผู้โดยสารก็จะเจอเคาน์เตอร์รับจอดรถเลย เอาเอกสารให้พร้อมชำระเงิน แล้วก็จะมีเจ้าหน้าที่พาไปรับรถที่ชั้นสามของเทอร์มินอล ค่าบริการก็คิด 100 บาท รวมกับค่าจอดรถของสนามบิน (วันละ 250 บาท)

ปัญหาที่ตามมา

    ผมพบว่า ปัญหาของบริการนี้ อยู่ที่ Process และ People ครับ วันที่ผมกลับมารับรถคืน ที่เคาน์เตอร์หน้าประตูผู้โดยสารขาออกนั้น เจ้าหน้าที่จะให้ชำระเงิน แล้วให้ตั๋วรับรถใบเล็กๆมาแทน ซึ่งไม่มีรายละเอียดของรอยรอบรถ เลขไมล์ และเกจน้ำมันเชื้อเพลิงแต่อย่างใด พอเจ้าหน้าที่นำรถมาส่ง ก็ไม่มีการตรวจสภาพรถ เพราะเอกสารในมือลูกค้าไม่สามารถตรวจอะไรได้แล้ว นี่คือ Process ที่ไม่รัดกุมครับ ส่วน People ก็คือ พอขึ้นรถมา ผมพบว่า วิทยุในรถ (ที่ใช้ฟังเพลงนั่นแหละครับ) ถูกเปิดไว้ และมีการเปลี่ยนความถี่ไปที่ 94.0MHz ซึ่งเป็นสถานีเพลงลูกทุ่ง และไม่ได้อยู่ในช่องความจำของเครื่องวิทยุ

  Cr: ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

เสียงบ่น(บอก)เล่าจากผู้ใช้บริการ

    พอเจอจุดแรก ผมก็สงสัยว่า มีการนำรถของเราออกไปใช้งาน แทนที่จะนำไปจอดตามที่ควรจะเป็นหรือเปล่า สิ่งของมีค่าในรถสูญหายบ้างหรือเปล่า หวาดระแวงไปจนถึงเรื่องถูกถอดเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่เลยทีเดียว แต่ก็ไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้ เพราะผมไม่ได้ถ่ายภาพเอกสารซึ่งมีรายละเอียดพวกเลขไมล์เก็บไว้

เราจะนอน

    เรื่องปัญหาของการจอดรถก็มีตามที่เล่ามาครับ แต่เรื่องดีๆในการเดินทางก็มีนะครับ ผมลากกระเป๋ามาที่เคาน์เตอร์เช็คอิน ดำเนินพิธีการทุกอย่างเป็นที่เรียบร้อย ไปรอที่ Gate ระหว่างเดินไปที่เกตนั้น ผมก็มองหาว่ามีร้านไหนที่บัตรเครดิตของผมจะรับสิทธิ์อะไรได้ฟรีบ้างหรือเปล่า ปรากฏว่า Tada !!! ไม่มีครับ มองดูนาฬิกา ยังมีเวลาอีก 1 ชั่วโมง จะทำอะไรดี หนังสือที่จะอ่านก็ไม่ได้ติดมา แล้วปกติเวลาขึ้นเครื่องบินผมจะนอนครับ แต่ความตื่นเต้นในการหาที่จอดรถทำให้อะดรีนาลีนมันพลุ่งพล่าน น่าจะนอนหลับยากซะแล้ว อย่ากระนั้นเลย เจอร้านซีพีออล์ สินค้าราคาใกล้เคียงปกติ (หรือเปล่าก็ไม่รู้) เลยซื้อเบียร์มากระป๋องนึง แล้วเดินไปจิบเบียร์ที่หน้า Gate

นั่งลงช้าๆ พยายามทำใจให้ผ่อนคลาย ขึ้นเครื่องบนแล้วจะได้หลับง่ายๆ จิบเบียร์ไปสองสามอึก โทรศัพท์มีถือดัง รีบร้อนไปหน่อย เผลอทำกระป๋องเบียร์ตกจากเก้าอี้ลงไปนอนไหลอยู่บนพื้น หายไปครึ่งกระป๋อง ยังดีที่พื้นเป็นพรม เลยไม่เลอะเทอะไปมากกว่านี้ ความรู้สึกตอนนั้นเข้าใจเลยครับ ที่เค้าพูดว่า "เมียตายไม่เสียดายเท่าเหล้าหก"

ซัดอีกครึ่งกระป๋องที่เหลือ แล้วเดินไปซื้อเบียร์เพิ่มอีกหนึ่งกระป๋อง เดินไปล้างมือ ล้างหน้า กลับมานั่งกินให้สบายๆ ตั้งใจว่าให้มึนๆนิดๆ แล้วขึ้นเครื่องบินไปจะนอนเลย ดูเวลา อืม... กำลังดี อีก 5 นาทีถึงเวลา boarding ผมกระดกเบียร์ที่เหลือแล้วเดินเอากระป๋องไปทิ้งถังขยะ แล้วแวะไปห้องน้ำจัดการตัวเองให้เรียบร้อย จะได้ไม่ต้องไปใช้บนเครื่องให้วุ่นวาย

เครื่องออกไม่ตรงเวลา

    นั่งรอจนเวลาล่วงเลยไปกว่ากำหนดการณ์ที่เขียนใน boarding pass ว่า Gate close แล้ว พนักงานก็ยังไม่เรียกขึ้นเครื่อง ก็นั่งมึนๆรอต่อไป จนเลยเวลาเครื่องออกพักนึงแล้ว ผมเลยเดินไปถามน้องกราวด์ว่าเที่ยวบินดีเลย์หรือเปล่า จะต้องรออีกนานไหม คิดในใจว่า ถ้านานผมจะไปซื้อเบียร์มากินต่อเพราะแอลกอฮอล์เริ่มจะหมดฤทธิ์แล้ว น้องกราวด์ตอบมาว่า ไม่ดีเลย์ค่ะ อีกซักครู่จะเรียกขึ้นเครื่อง ผมก็มองดูนาฬิกา แล้วก็คิดในใจว่า ไม่ดีเลย์ได้ยังไง นี่มันก็เลยเวลาเครื่องออกไปแล้วสิบนาที แต่ยังไม่ได้ขึ้นเครื่องเลย ไอ้ครั้นจะไปซื้อเบียร์มาเพิ่มก็กลัวว่าเดี๋ยวเค้าเรียกขึ้นเครื่องแล้วจะกินไม่หมด เสียของ ก็เลยนั่งรอไปแบบ งงๆ

นั่งรอไปอีกซักพัก แอลกอฮอล์หมดฤทธิ์เรียบร้อย คิดในใจว่า รู้งี้ไปซื้ออีกสองกระป๋องมากินยังทันเลย ก็พอดีพนักงานเรียกให้ขึ้นเครื่องได้ แอบเซ็งว่าแอลกอฮอล์หมดฤทธิ์แล้ว จะนอนหลับหรือเปล่า แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่าไม่น่าจะมีปัญหา เพราะตัวผมเป็นคนนอนง่ายอยู่แล้ว นอนได้ทุกที่ ทุกเวลา เหมือนปิดสวิทช์ไฟเลยทีเดียว

สาเหตุที่ล่าช้า

    พอขึ้นเครื่องไป ถึงกับเซ็งครับ ที่นั่งเป็นสามแถว ผมได้ที่นั่งกลาง ซ้ายและขวาขนาบไปด้วยผู้ชายตัวโด อึดอัดเป็นบ้าเลย ผมคิดในใจ แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่ายังโชคดี ที่ไม่เจอคนมีกลิ่นตัวแรง ไม่งั้นจะแย่กว่านี้อีก น้องแอร์ก็สาธิตการใช้อุปกรณ์ความปลอดภัยตามระเบียบในการบินเรียบร้อย ปกติแล้วหากขึ้นเครื่องช้าขนาดนี้ น้องแอร์จะรีบสาธิตแล้วกับตันจะได้นำเครื่องออก เรียกว่าสาธิตไปพร้อมกับ Taxi เครื่องไปรอ Take off เลยก็ว่าได้ แต่ครั้งนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น

ผมเลือกที่จะไม่สนใจ แล้วพยายามข่มตานอน แต่ก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าทำไมเครื่องถึงยังไม่ Push back เลย และแล้วความสงสัยผมก็ถูกเฉลย เมื่อน้องกราวด์คนเดิม ขึ้นมาบนเครื่อง แล้วสอบถามหาตัวผู้โดยสารสี่คน ซึ่งทำการโหลดกระเป๋าไว้ แต่ไม่ได้ขึ้นเครื่องมา จึงต้องเสียเวลาอีกซักพักนึงในการนำสัมภาระของผู้โดยสารกลุ่มนี้ออกจาก Compartment ใต้เครื่อง (ตามกฏความปลอดภัยของการบิน)

ออกซะที

    ในที่สุดเครื่องก็เริ่มได้รับการ Push back ออกจากช่องจอดที่ งวง 36 แล้วก็ Taxi ไปรอ Take off ที่ปลาย  Runway และได้รับอนุญาตให้ Take off ตามลำดับ แต่ผมกลับกลายเป็นคนที่มีปัญหาครับ เพราะว่าผมนอนไม่หลับ !!! เอาไงละทีนี้ พยายามทำใจให้สบายแล้วนอน แต่ก็นอนไม่หลับอยู่ดี ได้แค่เคลิ้มๆ แต่ไม่หลับ อากาศก็ร้อน คนก็แน่น เก้าอี้ก็เอนไม่ได้ จนได้ยินเสียงน้องแอร์ประกาศผ่าน Intercom ว่า อีกซักครู่จะเสริฟอาหารว่างและจะขายสินค้า In-flight มือไวดังใจคิด รายการ In-flight menu ตรงช่องใส่เอกสารด้านหน้า เปิดไปหน้าสุดท้าย เบียร์สิงห์ กระป๋องละ 100 บาท


เติมกระป๋องนี้เข้าไปค่อยยังชั่วหน่อย ผมสวม Headphone เปิดเพลงจาก iPad เลือกอัลบั้ม Classical หาเพลงของ Johann Struass ซึ่งเป็นราชาเพลง Waltz โดยไม่ลืมเปิดระบบ Noise canceling ที่หูฟัง พอเสียงเงียบ ทุกอย่างก็ง่ายครับ แล้วผมก็หลับไป มารู้ตัวอีกทีตอนที่น้องแอร์มาสะกิดว่าเครื่องกำลังจะลดระดับ และจะต้องหยุดใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อน






ผมประทับใจ Headphone ตัวนี้มาก โดยเฉพาะขากลับที่ได้เครื่องแบบ Propeller (เข้าใจว่าเป็นเครื่อง ATR-72) และผมถูกกำหนดให้นั่งด้านท้ายของตัวเครื่อง เสียงดังสนั่นไปหมด แต่หูฟังตัวนี้ทำให้ความเครียดลดลงไปได้เยอะเลยครับ อาจจะไม่ถึงกับเงียบสนิทสำหรับเสียงใบพัดของเครื่องยนต์ Turbo fan ที่ดังขนาดนั้น แต่ก็ช่วยได้มากๆ แถมยังมีเสียงดนตรีที่ไพเราะสดใสอีกด้วย

สรุปว่าเที่ยวบิน นกแอร์ กรุงเทพ-เชียงใหม่ ในค่ำวันนั้น ถึงที่หมายช้าไปประมาณ 1 ชั่วโมงครับ เพื่อนที่มารอรับผมที่ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่เล่าว่า เที่ยวบินที่มาหลังผมเข้ามาเกือบจะพร้อมกันเลย ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าสายการบินใช้หลักเกณฑ์อะไรมาเป็นตัวชี้วัดว่า Flight delay แต่สำหรับตัวผมแล้ว เที่ยวบินนี้ delay ตั้งแต่ผู้โดยสารยังไม่ได้ขึ้นเครื่องแล้วละครับ


ความคิดเห็น

  1. ไม่ระบุชื่อ8 ธ.ค. 2565 15:36:00

    Mobile gambling has turn into extremely popular through the years, making certain the best expertise for users. This Panama-based on-line casino web site additionally works fantastic on cell phones and tablets. That mentioned, we 점보카지노 seen that variety of the} sport suppliers had adapted their roulette offerings to cell units higher than others. El Royale uses the same casino platform because the beforehand listed Red Dog. Here you’ll additionally discover the three basic roulette games by Realtime Gaming .

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โพลท์นี้สำหรับวันวาเลนไทน์

สัปดาห์แรกของปีใหม่

วันแรกของปี บล็อกแรกของปี 2559